นั่งรถไฟ...ไปอุบล

>> ติดตามเรื่องราวการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่ Facebook เพจสวัสดีคนแปลกหน้า
https://www.facebook.com/hellostrangerpage/

>> IG : hellostrangerth
https://www.instagram.com/hellostrangerth
.
.

#นั่งรถไฟไปอุบล

เมื่อร่างกายต้องการเสพธรรมชาติสองข้างทาง ทริปนั่งรถไฟ...ไปอุบล จึงเริ่มต้นขึ้น

ทริป 3 วัน 3 คืน ที่ใช้รถไฟในการเดินทางทั้งขาไปและขากลับ หลังจากที่ห่างหายจากการนั่งรถไฟมานาน ทำให้การเดินทางในครั้งนี้ดูตื่นเต้นและน่าสนุก ....เกือบ 13 ชั่วโมง ของการเดินทางบนรถไฟ เราได้อะไรมากกว่าแค่การกิน นอน ดูวิวข้างทาง เราได้เห็นวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของผู้คนริมทางรถไฟ ได้คุยกับคนแปลกหน้า ถามไถ่เส้นทางการเดินทางซึ่งกันและกัน นี่แหละ เราว่ามันเป็นอะไรที่ถ้าไม่ได้มาลองด้วยตัวเอง ก็คงจะไม่เข้าใจ

#ไปนั่งรถไฟกันเถอะ :)

เสาเฉลียง หมายถึง เสาหิน เกิดจากการกัดเซาะของน้ำ สายลม และแสงแดด ต่อเนื่องเป็นเวลาหลายร้อยล้านปี นับว่าเป็นประติมากรรมชั้นเอกของธรรมชาติ

 

"ผาชะนะได" จุดที่มองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเป็นจุดแรกของประเทศไทย ทิวทัศน์เบื้องล่างจะเป็นแม่น้ำโขงกั้นแบ่งเขตแดนระหว่างประเทศไทยและลาว

 

สามพันโบก หมายถึง ร่องหินหรือสภาพของหินที่เป็นหลุมหรือแอ่งจำนวนสามพันหลุม

 

เกริ่นมาซะเยอะ...ไปเริ่มเดินทางกันเลย :)

แค่มีบัตรประชาชน ก็ได้นั่งรถไฟฟรี !!

 

รถไฟคันที่ 9 ออกเดินทางจากกรุงเทพ ไปอุบลราชธานี

 

ระหว่างรอรถไฟที่หัวลำโพง ก็หาอะไรกินก่อน

 

รถไฟมาแล้ว!!! ขึ้นรถไฟไปนั่งตามหมายเลขที่บอกไว้ที่ตั๋ว

 

รถไฟออกจากหัวลำโพง 4 โมง ช้าไปครึ่งชั่วโมง

 

บนรถไฟมีขายของกินตลอดทาง กินไป ดูวิวข้างทางไป ลมเย็นๆ ขอพักสายตาหน่อยละกัน :)

 

หลับไปสักพัก ตื่นมาตอน ตี 1 กว่าๆ ขึ้นมาปิดหน้าต่าง เพราะอากาศค่อนข้างหนาว

 

ถึงแล้วจ้า.... สถานีรถไฟอุบลราชธานี ตอนนี้เวลา ตี 4 ครึ่ง รถเมล์ที่จะไปขนส่งเที่ยวแรกคือ 6 โมงเช้า ....เอาไงดี ตอนนี้มีแต่รถเหมา ซึ่งแพง แล้วจู่ๆ ก็มีพี่คนนึงเดินมาถาม 
"จะไปไหน ไปด้วยกันมั้ย รถคนเต็มก็ออกได้เลย ราคาคนละ 20 บาท" "ไปขนส่งใช่ไหมคะ หนูไปค่ะ" เป็นรถสองแถวแดงคันเล็กๆ ที่เก็บในราคาถูก

 

รถสองแถวสีแดง พาเรามาถึงขนส่งเวลา ตี 5 กว่าๆ เราก็หารถต่อเพื่อไปผาแต้ม

 

รถตู้ราคาคนละ 100 บาท บอกพี่เค้าว่า จะไปลงผาแต้ม

 

พี่คนขับรถตู้ใจดี ขับเลยทางแยกมาให้เพื่อให้เราไม่ต้องเดินไกล จากป้ายนี้เดินตรงไปตามถนน 4 กิโลเมตร ถึงอุทยานแห่งชาติผาแต้ม

 

ไม่หลงแน่นอน เดินมาเรื่อยๆ ตามทางมีป้ายบอกชัดเจน ฮึบๆ อีกแค่ 2 กิโลเมตร เท่านั้น

 

เดินมาอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ก็เจอ เสาเฉลียง เลยแวะถ่ายรูป ข้างในจะมีจุดชมวิว และลานหินแตก ให้ได้เดินศึกษาธรรมชาติ

 

ถึงแล้ว.... อุทยานแห่งชาติผาแต้ม

 

เดินดูวิวทิวทัศน์รอบๆ

 

ไปดูภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์กัน

 

ทางเดินค่อนข้างร่ม แต่ถ้าเลยจากจุดนี้ไปตรงใกล้ๆ ช่วงทางออก จะเป็นป่า อากาศร้อน ควรใส่หมวกหรือพกร่ม และน้ำดื่มไปด้วย

 

ภาพเขียนสีโบราณบริเวณผนังหน้าผา อายุราว 3,000-4,000 ปี ภาพที่พบแบ่งเป็น 5 กลุ่มใหญ่ๆ คือ ภาพคน ภาพสัตว์ ภาพเครื่องมือดักสัตว์ ภาพฝ่ามือ และภาพวาดเรขาคณิต

 

เป้าหมายต่อไป คือ ผาชะนะได ได้พี่เจ้าหน้าที่อุทยานช่วยเรียกรถนักท่องเที่ยวให้ เราเลยขออาศัยติดรถไปด้วย

 

ลักษณะถนนเป็นเส้นทางกึ่งออฟโรดขึ้นเนินและลานหินที่ขรุขระ

 

ควรใช้รถกระบะที่มีความสูงปกติหรือรถกระบะยกสูง จะสะดวกในการเดินทางกว่า เพราะบางจุดต้องข้ามลำธารและสลับกับขึ้นเนินหินที่มีความชัน

 

บางช่วงจะเป็นเส้นทางเข้าป่า เป็นถนนเลนเดียว

 

นั่งโยกเยกอยู่หลังกระบะเกือบ 2 ชั่วโมง ก็ถึงจุดกางเต็นท์ ที่นี่ไม่มีร้านอาหาร ไม่มีของขาย ควรเตรียมอาหารและน้ำดื่มให้เพียงพอ ห้องน้ำสะอาด อาบน้ำได้

 

หลังจากกางเต็นท์และพักผ่อนเล็กน้อย ก็ออกเดินทางต่ออีกประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อไปดูวิวโดยรอบตอนเย็น ผาชะนะได ช่วงก่อนพระอาทิตย์ตกดิน

 

ตื่นตั้งแต่ ตี 4 ครึ่ง เพื่อมารอดูพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยาม ที่ผาชะนะได
จากนั้นก็เก็บของ เตรียมเดินทางกลับ ซึ่งเราก็ขออาศัยพี่คันที่พาเราขึ้นมานั่นแหละ

 

ระหว่างทาง ผ่านน้ำตกแสงจันทร์ หรือน้ำตกลงรู แต่ช่วงที่ไปน้ำค่อนข้างน้อย

 

"ไหนๆ ก็จะไปสามพันโบกอยู่แล้ว ไปด้วยกันเลยก็ได้" เราเลยไปเที่ยวกับคนแปลกหน้าต่อ ขอบคุณนะคะ :)

 

ทางที่จะลงไปสามพันโบก ต้องใช้รถและจะมีไกด์ท้องถิ่นคอยแนะนำ ราคา 200 บาท เราอาสาออกให้คนแปลกหน้า

 

โบกรูปหัวใจ

 

โบกรูปมิกกี้เมาส์

 

ขนาดของโบกเมื่อเทียบกับสัดส่วนคน ถือว่าใหญ่มากเลย

 

พี่เค้าพาเรามาส่งที่วัดถ้ำคูหาสวรรค์ วัดที่มีฆ้องที่ใหญ่ที่สุดในโลก

 

ไหว้พระทำบุญเสร็จ ก็เดินออกมาจากวัด สอบถามจากชาวบ้านแถวนั้น เขาบอกว่า เดินลงสะพานนี้ไปจนสุด จะเจอวินรถตู้ที่จะไปขนส่ง ราคา 70 บาท ข้างๆ วินจะมีตลาด

 

นั่งรถตู้จากบริเวณวัดถ้ำคูหาสวรรค์ มาลงขนส่ง แล้วนั่งรถสองแถวต่อไปลงสถานีรถไฟ เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพ

 

อาหารมื้อสุดท้ายที่อุบลราชธานี ร้านอยู่ข้างๆ สถานีรถไฟ

 

สรุปสถานที่ท่องเที่ยวที่ไป

1.อุทยานแห่งชาติผาแต้ม / เสาเฉลียง / ภาพเขียนสี / ผาชะนะได / น้ำตกแสงจันทร์ (น้ำตกลงรู)

2.สามพันโบก

3.วัดถ้ำคูหาสวรรค์

 

ค่าใช้จ่ายและค่าเดินทาง (ไม่รวมค่ากิน)

ค่ารถเมล์ไป-กลับ หัวลำโพง 9+9=18 บาท

ค่ารถไฟขาไป ฟรี

ค่ารถไฟขากลับ 205 บาท

ค่ารถสองแถวจากสถานีรถไฟไปลงขนส่ง 20 บาท

ค่ารถตู้ไปลงผาแต้ม 100 บาท

ค่ารถตู้จากบริเวณวัดคูหาสวรรค์มาลงขนส่ง 70 บาท

ค่ารถสองแถวจากขนส่งมาลงสถานีรถไฟ 10 บาท

ค่ารถสามพันโบก (จ่ายให้คนแปลกหน้า) 200 บาท

รวม 623 บาท

 

การท่องเที่ยวในตัวเมือง จ.อุบลราชธานี โดยรวมแล้วถือว่าไม่ยากลำบาก เพราะมีรถสาธารณะเยอะ ทั้งรถเมล์ รถสองแถว รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถแท็กซี่ รถตู้ แต่ถ้าเป็นเส้นทางที่จะไปอุทยานแบบที่เราไป จะไม่มีรถสาธารณะ ส่วนใหญ่จะอาศัยการโบกรถชาวบ้านหรือนักท่องเที่ยว ซึ่งชาวอุบลก็ใจดีมาก ให้ข้อมูลและแนะนำเส้นทางการเดินทาง พี่ๆเจ้าหน้าที่อุทยานก็ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี ช่วยเรียกรถให้ เราเลยได้อาศัยติดรถคนอุบลไปเที่ยว ขอขอบคุณคนแปลกหน้าทุกคนที่มีส่วนช่วยทำให้การเดินทางในครั้งนี้ สำเร็จตามที่ตั้งใจและถึงจุดหมายปลายทางโดยปลอดภัย

#สวัสดีคนแปลกหน้า

Hello Stranger :)