ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
ชมทุ่งโปรงทอง เยือนระยองเมืองกวี เรียนรู้วิถีชีวิตประมงชุมชนเนินฆ้อ ปากน้ำประแส อำเภอแกลง จังหวัดระยอง จ.ระยอง
    • โพสต์-1
    ตากล้อง •  สิงหาคม 25 , 2559

    ชมทุ่งโปรงทอง เยือนระยองเมืองกวี เรียนรู้วิถีชีวิตประมงชุมชนเนินฆ้อ

     

    หากเอ่ยถึงทุ่งโปรงทอง หลายคนคงจะคุ้นหูกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่ง ที่เหมาะกับการไปเดินชิลล์ กินลม ชมทะเล สูดอากาศบริสุทธิ์ เป็นอย่างยิ่ง และที่สำคัญคือไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก ซึ่งในทริปนี้เรายังจะพาเพื่อนๆไปสัมผัสและเรียนรู้วิถีชีวิตประมงของชุมชนชาวเนินฆ้อ อำเภอแกลงจังหวัดระยองอีกด้วย

    เช้าตรู่ของวันศุกร์ ที่ 12 สิงหาคม 2559 วันแม่แห่งชาติ  เป็นช่วงวันหยุดยาวที่หลายๆคนถือโอกาสนี้พาคุณแม่และครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนตามสถานที่ต่างๆ อย่างที่ได้วางแผนเอาไว้แล้ว

     

    เราเองก็เช่นกัน หยุดยาวอย่างนี้ เลยถือโอกาสไปเที่ยวสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งอยากจะไปตั้งนานล่ะ แต่ยังไม่ได้ไปซักที ซึ่งก็คือ ทุ่งโปรงทอง อันเลื่องชื่อนั่นเอง  อย่างที่บอกว่าอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพเท่าไหร่ ขับรถขำๆ แค่ 3ชั่วโมงก็ถึงล่ะ

     

    ไม่ต้องกลัวไปไม่ถูก…ใช้ GPS นำทางไปง่าย..ไม่มีหลง ถึงที่หมายแน่นอน

    เราขับรถไปเองใช้เส้นทางหลวงหมายเลข34 (บางนา-บางปะกง) วิ่งตรงไปเรื่อยๆ จนถึงชลบุรี จากนั้นแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 344 วิ่งตรงอย่างเดียว ใช้เวลาประมาณ 3ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงระยองแล้ว

     

    สถานที่แรกที่เราจะไปชมก็คือ อนุสรณ์เรือหลวงประแส  ในระหว่างการเดินทาง เราก็ขับช้าๆ ชิลล์ไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน หิวก็หยุดกิน กระหายก็แวะดื่ม…ไปแบบ Slow Life ในสไตล์คน Low Cost ^^’

     

    จานนี้รองท้องก่อน…..เดี๋ยวถึงระยองค่อยหาร้านซีฟู้ดอร่อยๆทาน

     

    จานนี้แก้ง่วง เผ็ดๆเปรี้ยวๆ แซ่ปซ่านถึงทรวงเลยหล่ะ…ขอบอก

     

    จัดชาเย็นต้นตำรับอีกซักแก้ว เอาไว้ดื่มแก้เผ็ดต่อในรถ…แค่นี้ก็ฟินล่ะ

    • โพสต์-2
    ตากล้อง •  สิงหาคม 25 , 2559

    เราขับรถผ่านตัวเมืองระยอง ตาม GPS มาเรื่อยๆ เส้นทางก่อนจะถึง อนุสรณ์เรือหลวงประแส จะเป็นซอยเล็กๆ ลัดเลาะไปตามหมู่บ้าน จะมีป้ายบอกทางตามแยก ตามจุดเลี้ยวตลอดทาง และในที่สุดเราก็มาถึงจุดหมายแล้ว…ไปชมความยิ่งใหญ่ของเรือหลวงประแสกันเลย

     

    เรือหลวงประแส เรือรบหลวงเก่าที่ปลดประจำการจากสงครามเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ เป็นอนุสรณ์สถานที่มีประวัติศาตร์สำคัญควรค่าแก่การรำลึกถึงราชนาวีไทย ปัจจุบันกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของชาวชุมชนปากน้ำประแส หากใครมาท่องเที่ยวที่ระยอง อย่าลืมแวะมาเยี่ยมชมความยิ่งใหญ่ของราชนาวีไทย อนุสรณ์เรือหลวงประแส ตั้งอยู่บริเวณหัวโขด ชายหาดประแส หมู่ที่ 1 ตำบลปากน้ำประแส อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ซึ่งสภาพภูมิทัศน์โดยรอบก็ถูกปรับปรุงให้สวยงาม และยังมีร้านค้าร้านอาหารไว้คอยให้บริการนักท่องเที่ยวมากมายหลายร้านเลยหล่ะ

     

    หลังจากชมความยิ่งใหญ่ของเรือหลวงประแสแล้ว เราก็จะมุ่งหน้าไปยังจุดไฮไลท์ของเราในทริปนี้ นั่นก็คือทุ่งโปรงทอง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอนุสรณ์เรือหลวงประแสมากนัก ขับรถไปไม่เกิน 15 นาทีก็ถึงล่ะ

    ถึงแร้ว!!..ทุ่งโปรงทอง นี่ก็เกือบบ่ายแล้ว เราเข้ามาจอดรถ ซึ่งเป็นที่ของเอกชน ค่าจอดคันละ 20บาท..ว่าแต่นี่ก็บ่ายแล้วชักเริ่มหิว เราขอแวะเติมพลังก่อนนะ จะได้มีแรงเดินชมทุ่งโปรงทองสวยๆได้นานๆ โดยบ่ายนี้เราฝากท้องไว้กับร้านนี้เลย ตำทุ่งโปรงทอง ตั้งอยู่ในบริเวณที่จอดรถนี่แหละ

     

    เขาว่า…อย่าให้คนหิวจัด..สั่งอาหาร…กินสองคนกับเพื่อน…เล่นเอาซะจุกเลยเหมือนกัน

     

     

     

     

    • โพสต์-3
    ตากล้อง •  สิงหาคม 25 , 2559

    อิ่มแล้ว…ไปต่อได้  ประมาณเกือบบ่ายสอง ได้เวลาไปชมทุ่งโปรงทองแล้ว ที่นี่จะมีรถรับส่ง สำหรับพาเราไปยังทุ่งโปรงทอง ค่าบริการคนละ 5 บาท ระยะทางประมาณ 500เมตร ส่วนใครจะเดินไปก็ได้นะ…เขาไม่ว่า
    ทุ่งโปรงทองแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ ซึ่งถือเป็นที่ให้ความรู้และความเข้าใจในระบบนิเวศป่าชายเลน โดยจะมีสะพานไม้ทอดยาวลัดเลาะไปตามป่าชายเลน ให้เราได้สัมผัสกับธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์พร้อมกับชมความงามของป่าโกงกาง และป่าโปรงใบสีเขียวอ่อน ที่พอสะท้อนรับกับแสงแดดในยามบ่าย กลายเป็นทุ่งสีทองอร่าม จึงเป็นที่มาของคำว่า “ทุ่งโปรงทอง”

     

    จากท่าเรือแสมผู้ เดินตามสะพานมาไม่ไกลนัก เราก็จะเจอลานระเบียงไม้ซึ่งเป็นลานกว้างพอสมควร เป็นจุดไฮไลท์สำหรับชมทุ่งโปรงทอง

     

    วันแม่: คุณลูกคุณแม่เซลฟี่กับทุ่งโปรงทอง

     

    นางแบบตัวน้อยแจกรอยยิ้มสดใสให้กับเรา

     

     

     

     

     

    จากจุดชมทุ่งโปรงทอง เดินตามสะพานไม้ไปเรื่อยๆ ก็จะมีจุดพักต่างๆ มีบอร์ดเรียนรู้ให้เราได้พักและศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนไปด้วย สะพานไม้นี้จะไปสิ้นสุดที่อนุสรณ์เรือหลวงประแส ระยะทางประมาณ 2.6 กิโลเมตร

     

    สะพานไม้บางจุดอาจมีชำรุดบ้าง เดินช้าๆและระมัดระวังกันด้วยนะ

     

    ทุ่งโปรงทอง เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ เวลา 06.00-18.00 น. ไม่เก็บค่าบริการ แต่จะมีตู้รับบริจาคอยู่ตรงบริเวณสะพานท่าเรือแสมผู้ หากสะดวกก็ร่วมกันบริจาค คนละเล็กคนละน้อย สำหรับช่วยซ่อมบำรุงสะพาน เราจะได้มีสะพานดีๆ ไว้เดินชมความงามของธรรมชาติกันอีกนานๆนะจ๊ะ

    • โพสต์-4
    ตากล้อง •  สิงหาคม 25 , 2559

    เดินชมทุ่งโปรงทองจนจุใจก็ค่ำพอดี เราจะพาไปอีกที่ๆหนึ่ง ที่ชาวปากน้ำประแสชอบไปชิลล์กันในตอนเย็นๆ นั่นก็คือ สะพานประแสสิน ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่ไม่ควรพลาดอีกเช่นกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

    • โพสต์-5
    ตากล้อง •  สิงหาคม 25 , 2559

    รับลมชมวิวบนสะพานประแสสินและเก็บภาพสวยๆเสร็จแล้ว เราก็ขับรถไปรีสอร์ทสำหรับพักผ่อนในคืนนี้เราพักที่ พัฒนารีสอร์ท คืนละ800บาทครับ

     

    สุขสันต์วันแม่แห่งชาติ สำหรับค่ำคืนนี้ ราตรีสวัสดิ์ครับ 

    • โพสต์-6
    ตากล้อง •  สิงหาคม 25 , 2559

    อรุณสวัสดิ์ชาวเนินฆ้อ
    เช้าวันที่13 สิงหาคม 2559 เราออกจากโรงแรมแต่เช้าเพื่อมาเจอลุงสำออย ซึ่งวันนี้คุณลุงจะมาเป็นไกด์นำเที่ยวให้กับเรา สถานที่จุดแรกที่เราจะไปวันนี้คือไปชมทะเลแหวก และศูนย์อนุรักษ์เต่าทะเล เกาะมันในครับ ซึ่งในระหว่างทางเราก็จะมีโอกาสได้เห็นภาพการทำประมงพื้นบ้านตามชายฝั่งของชาวเนินฆ้อเป็นระยะๆครับ

     

    การไสเคย

     

    ชาวบ้านกำลังทอดแห

     

    เก็บปู

     

    ออกเรือไปหาปลา

     

    พ่อแม่ลูกช่วยกันทำมาหากิน แบบพออยู่พอกิน

     

    • โพสต์-7
    ตากล้อง •  สิงหาคม 25 , 2559

    นั่งเรือเล็กของลุงออย ออกจากฝั่งมาราวชั่วโมงกว่าๆ ก็จะถึงเกาะมันในครับ คุณลุงพาเรามาดูทะเลแหวก  ซึ่งสวยและน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

     

    ทะเลแหวก จะเป็นสันทรายทอดยาวลงไปในทะเล เมื่อน้ำทะเลลดระดับลง เราก็จะเห็นเป็นทะเลแหวก สวยงามดีทีเดียว

     

    ทะเลแหวกที่เกาะมันใน ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมามากนัก ตอนเราไปนี่ยังไม่มีใครมาเลย….ก็ฟินอะดิ

     

    นกทะเลก็มาเดินเล่นเป็นเพื่อนเรา

     

    เราเดินลงไปเกือบสุดแนวสันทรายของทะเลแหวกเลย

     

    นานๆทีถึงจะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวผ่านมาบ้าง

     

    คุณลุงสำออยทอดสมอ นั่งส่งยิ้มรอเราอยู่บนเรือไม่ไกลนัก

    • โพสต์-8
    ตากล้อง •  สิงหาคม 25 , 2559

    หลังจากชมทะเลแหวกแล้วเราก็เดินมาประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและช่ายฝั่งฯ

     

     

     

    ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของโครงการสมเด็จฯ อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล  เพื่อศึกษาวิจัยชีววิทยาของเต่าทะเลอนุรักษ์ และเพิ่มจำนวนโดยการเพาะขยายพันธุ์ปล่อยสู่ทะเลตามธรรมชาติ โดยวิธีนำไข่เต่าทะเล ซึ่งส่วนใหญ่ได้จากเกาะคราม อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ในความดูแลของกองทัพเรือ นำมาเพาะฟัก และอนุบาล เมื่อลูกเต่ามีอายุประมาณ 6 เดือน จะติดเครื่องหมายเพื่อติดตามผล นำปล่อยลงสู่ทะเล ลูกเต่าส่วนหนึ่งนำไปเลี้ยงไว้เป็นแม่พันธุ์พ่อพันธุ์ต่อไป

     

     

     

    พ่อแม่พันธุ์ ตัวใหญ่มาก

     

    บ่ออนุบาลเต่า

     

    บ่ออนุบาลเต่า

     

    นอกจากนี้ที่นี่ยังมี พิพิธภัณฑ์เต่าทะเล ที่จัดแสดงนิทรรศการของเต่าทะเลหลากหลายประเภท มีโครงกระดูกของโลมาและโครงกระดูกของเต่าทะเลให้เราได้ดูอีกด้วย

     

     

     

     

     

     

     

     

    • โพสต์-9
    ตากล้อง •  สิงหาคม 25 , 2559

    หลังจากนั้นเรานั่งเรือกลับขึ้นฝั่ง คุณลุงพามาดูศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตชาวประมงชุมชนเนินฆ้อ ซึ่งลุงออยก็ได้เล่าให้เราฟังถึงที่มาที่ไปของศูนย์แห่งนี้ด้วย

     

    ลุงออยบอกว่า เมื่อก่อนนี้ชาวบ้านทำอาชีพประมงและทำนาไปด้วย เมื่อราวๆปี 2540  ชาวบ้านเนินฆ้อประสบปัญหาจากนายทุนเข้ามาทำนากุ้งทำให้น้ำเสียดินเค็ม พอหันมาทำประมงเต็มตัว แต่ก็มีเรือประมงพาณิชย์เข้ามาจับสัตว์น้ำในพื้นที่ ทำให้เครื่องมือของชาวบ้านสูญหาย อวนที่ลอยทิ้งไว้  เรือใหญ่มาลากเอาไปหมด จำนวนสัตว์น้ำก็ร่อยหรอลงจนแทบหมด จากปัญหาดังกล่าว ลุงออย จึงได้รวมกลุ่มชาวบ้านลุกขึ้นพูดคุยถึงปัญหา เพื่อหาแนวทางจัดการทรัพยากรบริเวณของชุมชนของเขา   ปี 2545 จึงตั้งกลุ่มประมงขึ้นมาเพื่อพูดคุยกันถึงการแก้ปัญหาในวันที่ 14 บ่ายโมงตรงของทุกๆเดือน แต่ลุงเองก็บอกว่าถ้าคุยเฉพาะแต่ชาวบ้านคงไม่เกิดประโยชน์อะไร จึงทำหนังสือเชิญหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมรับฟังปัญหาในแต่ละครั้งด้วย

    จนกระทั่งปี 2549   เทศบาลตำบลเนินฆ้อ มองเห็นความสำคัญของกลุ่ม เลยคิดว่าควรมีการจัดการทำให้เป็นรูปธรรมชัดเจน จึงมีการจัดตั้ง “ กลุ่มประมงพื้นบ้านเนินฆ้อโครงการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง”  โดยมีการทำงานร่วมกันกับ กรมทรัพยากรฯ เทศบาลเนินฆ้อ กลุ่มวิจัยทรัพยากรทะเลชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก

    จนมี “โครงการบ้านปลา ธนาคารปู”
    บ้านปลา เป็นการทำปะการังเทียมในรูปแบบต่างๆเพื่อเป็นแหล่งอนุบาลให้สัตว์น้ำวัยอ่อนได้หลบซ่อนตัว เช่น เต๋ายางรถยนต์ ซั้งจากเชือก และแท่งปูนรูปสี่เหลี่ยม  โดยเทศบาลฯ ให้งบประมาณมาก้อนหนึ่ง หลังจากนั้นจึงเริ่มนำไปวางตามที่กำหนดไว้  โดยมี สำนักงานบริการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่1 (สบทช.) เป็นผู้สนับสนุนในเรื่องของการวางบ้านปลา โดยตั้งห่างจากชายฝั่งออกไปราว 1.5 กิโลเมตร
    ธนาคารปู คือการทำกระชังตาข่าย หากชาวบ้านจับปูไข่ได้ ก็จะเอามาฝากไว้ในกระชัง 2 วัน ปูจะปล่อยไข่ทั้งหมดให้ลอยไปตามธรรมชาติเกิดเป็นลูกปูจำนวนมากกลับลงสู่ทะเลแล้วค่อยนำแม่ปูกลับไปขาย

    จนกระทั่งตัวแทนของ เอสซีจี เคมิคอลส์ ทราบว่าทางชุมชนมีโครงการบ้านปลาและบ้านปู เลยเสนอวัสดุซึ่งเป็นท่อส่งน้ำประปา ที่เหลือจากการทดสอบ มาดัดแปลงทำเป็นบ้านปลา ชาวบ้านก็ลงมติเห็นด้วย เพราะทำง่ายกว่าแท่งปูน แถมยังขนย้ายสะดวก ไม่ยุบตัว และวัสดุผ่านการทดสอบเรื่องกลิ่นหรือสารปนเปื้อนจากผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ปลอดภัยไม่มีสารเคมีที่อันตรายออกมาสู่น้ำทะเล และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีคุณสมบัติที่ทนต่อการกัดกร่อนและแรงดันได้สูง ทำให้มีอายุใช้งานได้นาน ซึ่งทาง เอสซีจี เคมิคอลส์ ได้แนะนำวิธีสร้างบ้านปลาและสนับสนุนท่อสำหรับทำบ้านปลาให้กับชุมชนเนินฆ้อแห่งนี้ต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 5 แล้ว

     

    บ้านปลาที่ทำจากท่อ PE100

     

    ลักษณะของการวางแนวบ้านปลา

     

    ลุงออย เล่าต่อว่า  ชาวบ้านได้มานั่งประชุมและวางกรอบกติการ่วมกัน  ในกรอบของประชาคมชาวบ้าน “มีการออกมติห้ามไม่ให้หากินบริเวณที่ตั้งของบ้านปลา และควบคุมเรื่องเครื่องมือ ทำลายล้าง”   และต้องมีการจับสัตว์น้ำตามฤดูกาลเท่านั้น  ลุงบอกว่าหลังจากนั้นชาวบ้านสามารถจับปูได้เยอะมากจนกระทั่งบางช่วงถึงกับล้นตลาด จนต้องทำการแปรรูปในแบบต่างๆ เลยทีเดียว

    จะเห็นได้ว่าการแก้ปัญหานั้น จำเป็นต้องมีความร่วมมือกันจากทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็น ชุมชน ภาครัฐ และเอกชน หากร่วมมือกันแล้วก็จะทำให้ชุมสารมารถอยู่ได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืนอย่างแน่นอน

    ภายในศูนย์แห่งนี้ยังมีการจัดนิทรรศการให้ความรู้ในเรื่องของการทำประมงพื้นบ้านและวิถีชุมชนของชาวเนินฆ้อแห่งนี้อีกมากมาย

     

     

     

    นิทรรศการ จัดแสดงวัฐจักรของวิถีชุมชนและการทำประมงตามฤดูกาล

     

    บ้านปลาแบบต่างๆ

     

    • โพสต์-10
    ตากล้อง •  สิงหาคม 25 , 2559

    ลุงออยพาชมศูนย์ฯ เสร็จก็บ่ายพอดี ใกล้ๆกับศูนย์ฯ จะมีรีสอร์ทและร้านอาหารทะเลด้วยนะ เดินไปประมาณ 200 เมตร อยู่ติดริมทะล ด้านหน้าเป็นหาดทรายขาวๆ โล่งๆ บรรยากาศดีทีเดียว เราเลยชวนคุณลุงไปทานข้าวด้วยกัน

     

    เช่นเคย…เมื่อคนหิวจัดสั่งอาหาร….เลยเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ ทานกันอยู่ 3 คน

     

     

     

     

     

     

    อาหารทะเลสดใหม่ อร่อยทุกเมนูเลย…จริงๆนะ ^0^

  1. โหลดเพิ่ม